Carbon Neutrality เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน

ปัญหาสิ่งแวดล้อมยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นในทุกปี และยังเป็นปัญหาสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อโลกใบนี้ได้อย่างมากมายทั้งในปัจจุบันและอนาคต สิงห์ เอสเตท ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการมีสิ่งแวดล้อมที่ดีและมีความยั่งยืน โดยเฉพาะในเรื่อง Carbon Neutrality ที่บริษัทฯ ได้มุ่งมั่นลดปริมาณ Carbon ให้ได้ร้อยละ 40% ในปี 2573 ผ่านแนวคิด Climate Resilience Model ที่มุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจไปพร้อม ๆ การได้ส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มของเรา

จากความตั้งใจที่อยากร่วมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น ปัจจุบันมีหลายโครงการจาก สิงห์ เอสเตท ที่พัฒนาและเติบโตขึ้นด้วยแนวคิดแบบ Climate Resilience Model ที่ต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อน เราได้ให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ทรัพยากรทุกด้านให้มีความคุ้มค่าและเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด พร้อมกับการรักษาสิ่งแวดล้อมในทุกพื้นที่ที่มีกิจการของเราตั้งอยู่

ในหลายโปรเจคของ สิงห์ เอสเตท นั้นได้เลือกใช้พลังงานสะอาดในการดำเนินธุรกิจ เช่น ในกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีความทันสมัยเข้ามาพัฒนาโครงการ พร้อมกับการใช้ทรัพยากรที่คุ้มค่า ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อความมั่นใจให้กับนักลงทุนพร้อมๆ กับเพิ่มขีดความสามารถให้กับลูกค้าได้

หรือในกลุ่มธุรกิจโรงแรมภายใต้การบริหารจัดการของกลุ่มบริษัท SHR ทั้งในประเทศไทยจำนวน 4 แห่งและในมัลดีฟส์จำนวน 3 แห่ง อย่างเช่นที่ SAii Lagoon Maldives ที่เราบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรทั้งพลังงานและน้ำทุกแห่งอย่างมีประสิทธิภาพ หรือที่ Santiburi Koh Samui ที่มุ่งเน้นการพักผ่อนแบบใกล้ชิดธรรมชาติด้วยการส่งเสริมกิจกรรมแบบ Low Carbon และในอีกหลายโครงการที่เริ่มต้นตั้งแผงโซลาร์เพื่อใช้งานโดยมีกำลังผลิตรวม 2.572 เมกะวัตต์ เพื่อช่วยลดการใช้พลังงานฟอสซิลที่มีการปล่อยคาร์บอนในปริมาณสูง

กลุ่มธุรกิจที่พักอาศัย เป็นอีกกลุ่มธุรกิจจาก Singha Estate ซึ่งเป็นโครงการที่ไม่เพียงแค่ยกระดับคุณภาพชีวิตจากการได้อยู่อาศัยบนทำเลศักยภาพเท่านั้น แต่เรายังมุ่งเน้นในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ทรัพยากร และความยั่งยืน ด้วยการลดการใช้พลังงานแล้วทดแทนด้วยพลังงานสะอาดหรือการเก็บรักษาต้นไม้ใหญ่เดิมเอาไว้ อย่างเช่นที่ SIRANIN Residences พัฒนาการ และอาคารสำนักงาน S-OASIS

เพราะสิงห์ เอสเตท ให้ความสำคัญตั้งแต่การออกแบบการเลือกใช้พลังงานทดแทน รวมถึงการเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในโครงการ ซึ่งเป็นการบริหารจัดการภายใต้แนวคิดที่คำนึงถึง Climate Resilience เป็นอันดับแรกนั่นเอง

ในปีฐาน 2565 ที่ผ่านมา Singha Estate ได้พัฒนาและดำเนินงานด้านการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกขององค์กรมากมาย ทั้งในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า ที่มุ่งเน้นการบริหารจัดการด้านการใช้พลังงานภายในอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งในปีนั้น สิงห์ เอสเตท สามารถลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนจากการดำเนินการของสำนักงานใหญ่ได้ร้อยละ 34.66 ซึ่งลดลงไปจากที่ตั้งเป้าหมายไว้ถึงร้อยละ 29.66 หรือเทียบได้กับการรักษาต้นไม้ใหญ่ไว้ได้ถึง 270 ต้น

แม้ว่าเป้าหมายของการลดปริมาณคาร์บอนให้เป็นศูนย์ไม่ใช่เรื่องง่าย และอุตสาหกรรมในเครือของ Singha Estate เองยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี เป้าหมายลดคาร์บอนให้ได้ในปี 2573 จึงเป็นอีกเรื่องท้าทายที่เราต้องวางแผน และออกแบบกันอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงการดำเนินการก่อสร้างในทุกโครงการนับจากนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายลด #ก๊าซเรือนกระจก ที่จะช่วยส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกค้าทุกกลุ่มของเราได้อย่างยั่งยืนโดยแท้จริง