• Home page
  • Blogs Room
  • Stepping into 9 Years of SINGHA ESTATE: Every New Beginning Will Be Better in the Future
22 Dec 2022

Stepping into 9 Years of SINGHA ESTATE: Every New Beginning Will Be Better in the Future

Stepping into 9 Years of SINGHA ESTATE: Every New Beginning Will Be Better in the Future

SINGHA ESTATE พัฒนาธุรกิจบนพื้นฐานของแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อให้เกิดความสมดุลแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม จนเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลากว่า 8 ปี ที่ สิงห์ เอสเตท ได้พิสูจน์ตัวเองในการเป็นนักลงทุนและผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในระดับพรีเมียม อันเป็นที่ยอมรับทั้งในไทยและต่างประเทศ แต่นี่ไม่ใช่เพียงแค่ความสำเร็จทางธุรกิจ แต่เปรียบเสมือนอีกหนึ่งจุดเริ่มต้นใหม่ที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีคุณค่าต่อไปใน ‘ปีที่ 9 อย่างมั่นคง’

2557-2558

หากย้อนกลับไปในปี 2557 SINGHA ESTATE ได้เข้าตลาดหลักทรัพย์ และใช้ชื่อย่อว่า “S” เริ่มต้นดำเนินธุรกิจโรงแรม Santiburi Koh Samui รีสอร์ตสุดหรูที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งอันเงียบสงบและสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเกาะสมุย จนมาถึงปี 2558 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินหน้าลงทุนอย่างเต็มตัวกับ 3 ธุรกิจหลักของบริษัทฯ

เริ่มด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าหรือธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่า โดยการเข้าลงทุนในอาคารสำนักงาน SUNTOWERS บนถนนวิภาวดีรังสิต จากนั้นเริ่มต้นก่อสร้างโครงการ SINGHA COMPLEX มิกซ์ยูสระดับลักชัวรีใจกลางอโศก ที่รองรับสมดุลของชีวิตการทำงานยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และในขณะเดียวกันก็ได้เริ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัยอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แบรนด์ THE ESSE Asoke คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี ที่โดดเด่นด้วยตึกสูงสง่ามาพร้อมการออกแบบร่วมสมัย ที่เรียกได้ว่า โดดเด่นและสะดุดตาที่สุดบนถนนอโศก

ในส่วนของธุรกิจโรงแรม ยังได้เข้าร่วมลงทุนโรงแรมในสหราชอาณาจักรกว่า 26 แห่ง ภายใต้แบรนด์ Mercure และ Holiday Inn และได้เปิดตัวโรงแรม Phi Phi Island Village Beach Resort (ปัจจุบันชื่อ SAii Phi Phi Island Village)รีสอร์ตริมทะเลบนเกาะพีพี ที่โอบล้อมไปด้วยวิวทะเลอันดามันสีฟ้า พร้อมให้ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์แห่งการพักผ่อนอันแสนประทับใจไม่แพ้กัน

2559

จากความมุ่งมั่นตั้งใจของ SINGHA ESTATE ในการส่งมอบประสบการณ์ระดับ Best in Class ในทุก ๆ ธุรกิจ ทำให้ก้าวไปสู่การเป็น Global Holding Company ในปี 2559 แล้วเริ่มต้นพัฒนาโครงการ CROSSROADS Maldives เนรมิตพื้นน้ำอันว่างเปล่ากลางมหาสมุทรอินเดียให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวแห่งใหม่ของโลก (World Destination) เพื่อให้คนทั่วโลกได้รับรู้ถึงความสามารถของคนไทยและศักยภาพของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในไทย

2560-2561

ถัดมาในปี 2560-2561 ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของ SINGHA ESTATE กับการขยายธุรกิจแบบก้าวกระโดด เพื่อมุ่งสู่การเป็นนักลงทุนและผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แถวหน้าของไทย โดยเริ่มจากการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมแห่งที่ 2 คือ THE ESSE at SINGHA COMPLEX บนพื้นที่ทำเลทอง หรือ Strategic Location ถนนแยกอโศก-เพชรบุรี ซึ่งเป็นที่ดินบริเวณเดียวกันกับโครงการมิกซ์ยูส SINGHA COMPLEX ให้ทุกคนได้สัมผัสนิยามใหม่กับคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี ที่รวมทุกรายละเอียดของการใช้ชีวิตมาไว้ในที่เดียว และรายล้อมด้วยไลฟ์สไตล์มอลล์ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบคนเมือง

ในเวลาใกล้เคียงกันก็ได้เปิดตัวคอนโดมิเนียมแห่งที่ 3 คือ THE ESSE Sukhumvit 36 โครงการระดับ Super Luxury โดดเด่นด้วยทำเลที่เชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ พร้อมเปลี่ยนนิยามการใช้ชีวิตใจกลางเมืองให้ได้สัมผัสถึงความเหนือระดับของการอยู่อาศัย ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายมากมาย ก่อนจะรุกตลาดโรงแรมต่างประเทศอย่างต่อเนื่องกับการลงทุนซื้อโรงแรม 6 แห่ง เครือ Outrigger ใน 4 ประเทศ ประกอบด้วย มัลดีฟส์ ฟิจิ มอริเชีย และไทย 

นอกจากนี้ยังสร้างความเป็น Talk of the Town ในวงการอสังหาริมทรัพย์ของไทย ด้วยการเปิดตัวโครงการหมู่บ้านที่มีมูลค่าต่อหลังสูงที่สุดในประเทศไทยกับโครงการ Santiburi The Residences ที่สุดแห่งความเอ็กซ์คลูซีฟของบ้านเดี่ยวระดับ Ultra Luxury บนทำเลสุดพรีเมียม ภายใต้แนวคิด “CONNOISSEUR OF PLEASANT LIVING” ลึกซึ้งถึงทุกรายละเอียดความสุข สะท้อนถึงความใส่ใจและมาตรฐานในการพัฒนาโครงการระดับ Best in Class ของ SINGHA ESTATE ได้เป็นอย่างดี

2562

ในปี 2562 ยังคงมุ่งเดินหน้าต่อ ตอกย้ำการดำเนินธุรกิจที่เติบโตอย่างมีแบบแผน มั่นคง และรับผิดชอบ แสดงศักยภาพของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยในระดับนานาชาติ กับการเปิดตัวโครงการ CROSSROADS Maldives ด้วยแนวคิด “Where Cultures Meet” ที่จะสร้างจุดหมายปลายทางในฝันแห่งใหม่ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ที่รวบรวมทั้งร้านค้า ร้านอาหาร สถานที่จัดประชุม และโรงแรม ไว้ได้อย่างครบครัน หลังจากนั้นยังได้นำธุรกิจโรงแรมทั้งหมดที่ประกอบด้วยโรงแรมทั้งในไทยและต่างประเทศกว่า 40 แห่ง เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในนาม S Hotels & Resort

2563

สำหรับปี 2563 SINGHA ESTATE ได้ขยายธุรกิจที่พักอาศัยด้วยโครงการ Affordable Luxury ในทำเลศักยภาพย่านซอยรางน้ำติดสวนสันติภาพ อย่าง THE EXTRO Phayathai-Rangnam คอนโดมิเนียมที่เดินทางสะดวกสบาย อยู่ใกล้ธรรมชาติ และยังใกล้ย่านการค้าและย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ อีกมากมาย จากนั้นก็ได้เปิดตัวธุรกิจที่ 4 ของบริษัทฯ คือ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานในชื่อ S Industrial Estate Angthong เพื่อพัฒนาเป็น World Food Valley ตอบโจทย์การขยายตัวและนโยบายด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารของภาครัฐ รวมถึงยังเข้าลงทุนในธุรกิจพลังงานด้วยการถือหุ้นในโรงไฟฟ้าอีก 3 แห่ง

2564

ในปี 2564 ถือเป็นการประสบความสำเร็จอีกขั้นกับยอดขายปิด Santiburi The Residences โครงการบ้านที่ราคาสูงที่สุดในประเทศไทย รวมไปถึงปิดโครงการ THE ESSE Asoke และ THE ESSE at SINGHA COMPLEX การันตีคุณภาพและการเข้าถึงลูกค้าที่เป็นผู้พักอาศัยในระดับพรีเมียมอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันธุรกิจโรงแรมก็มีแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น จึงเริ่มขยายโครงการ CROSSROADS Maldives หลังจากเปิดตัวโรงแรม 2 แห่ง ได้แก่ SAii Lagoon Maldives และ Hard Rock Maldives ในปี 2562 จึงได้ลงทุนต่อในโรงแรมที่ 3 โดยร่วมทุนกับนักลงทุนต่างชาติ ภายใต้แบรนด์ “SO” ซึ่งจะเป็นโรงแรม 5 ดาวแห่งใหม่ของมัลดีฟส์ พร้อมเปิดให้บริการในปี 2566

2565

เดินทางมาถึงปี 2565 เป็นการครบรอบ 8 ปี ของ SINGHA ESTATE กับการพิสูจน์ตัวเองให้ได้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจภายใต้ความมุ่งมั่น ตั้งใจ ที่จะส่งมอบคุณค่า และสร้างความสมดุลในการทำธุรกิจ เพื่อส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดให้กับสังคมตลอดมา พร้อมกันนี้ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวอาคารสำนักงานใหม่บนถนนวิภาวดีรังสิต อย่าง S-OASIS อาคารสำนักงานที่ออกแบบมาอย่างใส่ใจ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในเมืองของคนทำงานยุคใหม่ และยังเป็นอาคารที่คำนึงถึงการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ


พร้อมกันนั้นได้ขยายธุรกิจที่พักอาศัยแนวราบ ต่อยอดความสำเร็จจาก Santiburi The Residences กับการเปิดตัวโครงการบ้านระดับ Ultra Luxury ภายใต้แบรนด์ SIRANINN Residences บนทำเลถนนพัฒนาการ 32 ที่ออกแบบอย่างพิถีพิถันและใส่ใจ เพื่อรองรับการใช้ชีวิตของครอบครัวขนาดใหญ่ ให้ทุกคนได้สร้างความทรงจำที่มีร่วมกันจากรุ่นสู่รุ่น

จะเห็นได้เลยว่าตลอด 8 ปีที่ผ่านมา SINGHA ESTATE มุ่งมั่นในการส่งมอบคุณค่าควบคู่ไปกับการดำเนินงานอย่างยั่งยืนเสมอมา จนนำมาสู่ความสำเร็จอย่างหลากหลายและรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น ‘ธุรกิจที่พักอาศัย’ ที่ต้องการส่งมอบความสมดุลให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงให้ลูกบ้านได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพไม่ว่าจะเป็นครอบครัวเล็กหรือใหญ่ ‘ธุรกิจโรงแรม’ มอบประสบการณ์การเดินทางไม่เหมือนที่ไหน ให้ทุกคนสามารถเลือกท่องเที่ยวได้ตามใจด้วยหลากหลายโรงแรมระดับลักชัวรีที่มีทั้งฝั่งอ่าวไทย อันดามัน และต่างประเทศ ‘ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน’ ในการเติมเต็มคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรกับชุมชนและสังคม

นอกจากนี้ยังสร้าง Work Life Balance ให้กับคนทำงานด้วย ‘ธุรกิจอาคารสำนักงาน’ ที่รายล้อมด้วยร้านค้า ร้านอาหาร พื้นที่พักผ่อนหรือพื้นที่สีเขียว นับเป็นการใส่ใจเพื่อพัฒนาคุณภาพในทุก ๆ ด้าน ไปจนถึงการสร้างความสมดุลให้กับสังคมอย่างแท้จริง และในปี 2566 กำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 9 ยังมุ่งมั่นส่งต่อเรื่องราวดี ๆ และพัฒนาบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมด้วยการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อทั้งสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม

Share :